วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ด็อกยูซาน


HOMEPAGE

อุทยานแห่งชาติด็อกยูซาน – Deogyusan Mountain National Park 

(덕유산국립공원) 


เขาด็อกยูซานถูกตั้งขึ้นเป็นอุทยานตั้งแต่ปี 1975 โดยมีอาณาเขตคลอบคลุมถึง 4 จังหวัดด้วยกัน สันเขามีความยาวตั้งแต่ยอดเขา Hyangjeokbong ของภูเขา Bukdeogyusan ไปจนถึงเขา Namdeogyusan เป็นระยะทางประมาณ 17.5 กิโลเมตรและมีความสูง 1,200 เมตร


ภายในอุทยานแห่งชาติด็อกยูซานมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น วัด Baekryeonsa , สกีรีสอร์ท และธรรมชาติที่สวยงาม จึงทำให้อุทยานแห่งนี้มีคนเดินทางมาเที่ยวตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือศาลาบนยอดเขา ซึ่งจะสวยงามมากในช่วงฤดูหนาวเพราะหิมะจะปกคลุมไปจนทั่ว บรรยากาศสวยงามอยู่สวนบนสวรรค์
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: เปิด 24 ชั่วโมง
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน
[รถบัส]
ขึ้นรถบัสจาก Geochang-eup ไปยัง Hwangjeom (มีรถ 6 รอบ/วัน, ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
ขึ้นรถบัสจาก Geochang-eup ไปยังวัด Songgyesa (มีรถ 10 รอบ/วัน, ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)

[แท็กซี่]
ขึ้นรถแท็กซี่จาก Geochang-eup ไปยัง Hwangjeom (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที)
ขึ้นรถแท็กซี่จาก Geochang-eup ไปยังวัด Songgyesa (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที)

แหล่งที่มา:https://www.chilloutkorea.com/deogyusan-mountain-national-park/

เกาะนามิ


HOMEPAGE


เกาะนามิ (Namiseom Island)




- เกาะนามิ (Namiseom Island) ตั้งอยู่ที่เมืองชุนช็อน (Chuncheon-si) จังหวัดคังว็อน (Gangwon-do) ทางตอนเหนือของประเทศเกาหลีใต้ มีลักษณะเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่กลางแม่น้ำฮัน (Han River) รูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนช็องพย็อง (Cheongpyeong DamX) 

 - เกาะนามิโด่งดังขึ้นจากซีรี่ย์เรื่อง Winter Sonata โดยใช้เกาะนามิเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากโรแมนติก ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คู่รักนิยมมาเที่ยวกันตลอดทั้งปี และห้ามพลาดที่จะถ่ายภาพคู่กับรูปปั้นพระ-นางจากซีรีย์เรื่องดังกล่าว





- เกาะนามิ มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 553,560 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบ มีต้นเกาลัด ต้นแป๊ะก๊วย ต้นสนและอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งลานสนามหญ้ากว้างใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และนอนพักกางเต็นท์ 

 - เกาะนามิ อยู่ห่างจากกรุงโซล (Seoul) ประมาณ 63 กิโลเมตร ถ้าขับรถไปเที่ยวจากโซลก็จะใช้เวลาเดินทางงเพียงแค่ราว ๆ 1-1.30 ชั่วโมงเท่านั้น และพื้นที่บนเกาะนามิก็ไม่ใหญ่มาก สามารถเที่ยวได้แบบเช้าไป-เย็นกลับ ชาวเกาหลีจึงนิยมที่จะมาเที่ยวที่นี่ในช่วงวันหยุด 



 - ถ้าสังเกตดี ๆ บนเกาะนามิจะไม่มีเสาไฟฟ้า หลายคนคงจะงงว่าทำไมร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ บนเกาะมีไฟฟ้าใช้ นั่นเป็นเพราะว่าเขาได้มีการนำสายไฟลงพื้นดิน เพื่อยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติของเกาะนี้ไว้ 

  - บนเกาะนามิจะมีร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ แกลลอรี ร้านขายของที่ระลึกอยู่ด้วย สามารถไปเที่ยวชิล ๆ อยู่ได้ตลอดทั้งวัน เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ หรือใครอยากจะไปกางเต็นท์นอนพักค้างคืน ก็มีสถานที่ไว้รองรับด้วยเช่นกัน 

  - เกาะนามิจะมีการจัดกิจกรรมอยู่เรื่อย ๆ เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถเข้าร่วมได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อ



  - นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานปั่นไปรอบ ๆ เกาะได้ด้วย มีเส้นทางให้ขี่จักรยานวนรอบเกาะ ซึ่งก็จะเต็มไปด้วยวิวของธรรมชาติที่งดงาม


  - ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การมาเที่ยวเกาะนามิจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม เดือนกรกฎาคม เดือนสิงหาคม และเดือนตุลาคม  หรือถ้าใครชอบบรรยากาสหนาว ๆ มีหิมะปกคลุมก็จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม 

แหล่งที่มา:https://travel.kapook.com/view186049.html

เกาะเซจู


HOMEPAGE

เที่ยวอุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลาซาน (Hallasan National Park)

อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park) เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟชื่อดังอย่าง ฮัลลาซาน (Hallasan) มีความสูงถึง 1,950 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในเกาหลี กิจกรรมยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยว คือ การปีนเขา มีนักปีนเขามากมายต่างอยากจะไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้ เส้นทางขึ้นเขามีทั้งหมด 7 เส้นทาง แต่มีเพียง 2 เส้นทางเท่านั้นที่ขึ้นไปถึงปากปล่องภูเขาไฟได้ ใครที่ชอบปีนเขา ขอบอกว่าอย่าพลาด เพราะวิวด้านบนสวยมาก



เที่ยวยอดเขาซองซาน อิลชูลบง (Seongsan Ilchulbong Peak)

ยอดเขาซองซาน อิลชุบง (Seongsan Ilchulbong Peak) เป็นภูเขาไฟที่เกิดจากการระเบิดเมื่อประมาณ 100,000 ปีก่อน ปากปล่องมีลักษณะเป็นหินแหลมขึ้นอยู่มากมาย ทำให้ดูคล้ายกับมงกุฎยักษ์ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 600 เมตร ยอดเขาซองซาน อิลชุบง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ผู้คนต่างอยากจะมาสัมผัสกับวิวอันสวยงามยามพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้าตรู่ และที่นี่จะสวยที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะเป็นช่วงที่ดอกคาโนลาบานสะพรั่งทั่วยอดเขา นับเป็นวิวที่สวยงามมากจนหาที่ใดเปรียบไม่ได้เลยค่ะ



เที่ยวหมู่บ้านพื้นเมืองซงอับ (Seongeup Folk Village)

หมู่บ้านพื้นเมืองซงอับ (Seongeup Folk Village) เป็นเขตอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านและวิถีชีวิตในแบบดั้งเดิมของชาวเกาะเชจู ภายในเราจะได้เห็นบ้านทรงต่ำลักษณะแปลกตา มีหลังคาที่ถูกมุงด้วยหญ้าแฝก และกำแพงที่ก่อด้วยหินลาวาจากภูเขาไฟ ตั้งเรียงรายอยู่มากมาย ซึ่งคนสมัยก่อนสร้างบ้านออกมาในรูปแบบนี้เป็นเพราะว่า บนเกาะเชจูรายล้อมรอบด้วยน้ำทะเล ทำให้มีลมแรงและฝนตกประจำ การสร้างบ้านในลักษณะนี้จะช่วยกันลมกันฝนได้ดี ใครที่ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวบ้านอยู่แล้ว แนะนำว่าอย่าพลาดเที่ยวหมู่บ้านพื้นเมืองซงอับเด็ดขาด เพราะว่ามีอะไรหลายๆ อย่างที่คุณจะต้องอึ้ง เกี่ยวกับภูมิปัญญาของชาวเกาะเชจูแน่นอน
 


แหล่งที่มา:https://www.yingpook.com/best-jeju-island/

ไร่ชาเขียวโบซอง


HOMEPAGE

ไร่ชาเขียวโบซอง – Boseong Green Tea Plantation

 (보성녹차밭 대한다원)





แหล่งปลูกชาเชียวขนาดใหญ่ของเกาหลีซึ่งปลูกบนภูเขาอยู่ทางตอนใต้ของโบซอง ทำให้มองเห็นไร่ชาเป็นแนวสีเชียวสูงต่ำสลับกันไปตามแนวภูเขา ไร่ชาโบซองแห่งนี้เป็นไร่ชาเขียวที่แรกๆของเกาหลี ที่มีการใช้วิธีการปลูกชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมและชาวไร่ที่นี่ก็ยังมีความชำนาญในการปลูกชาเขียวเป็นอย่างดี จึงทำให้เป็นแหล่งผลิตชาเขียวขึ้นชื่อของเกาหลี นอกจากชาที่มีคุณภาพแล้ว ไร่ชาเองก็มีบรรยากาศที่สวยงามจนเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มักจะมีการถ่ายทำภาพยนตร์กันอีกด้วย จึงทำให้เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ


ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 4,000 วอน/ เด็กและเยาวชน (7-18 ปี) 3,000 วอน/ ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 3,000 วอน
เวลาเปิด-ปิด: มี.ค.-ส.ค. 09:00-19:00
ก.ย.-เม.ย. 09:00-18:00
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน
[รถบัส]
จากสถานีรถบัส Seoul Central City Bus Terminal, ขึ้นรถ express bus มาลงที่สถานี Boseong Intercity Bus Terminal (มีรถ 2 รอบต่อวัน, ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที) -> จากสถานีรถบัสโบซอง ขึ้นรถบัสปลายทาง Yulpo -> จากนั้นลงรถที่ป้าย Daehan Dawon Bus Stop

แหล่งที่มา:https://www.chilloutkorea.com/boseong-green-tea-plantation/

Rabbit


HOMEPAGE

ต้นกำเนิดของกระต่าย

   กระต่าย จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีลำตัวขนาดเล็ก ขนปุย หูยาว พบในหลายแห่งของโลก มีสัตว์ 7 สกุลจัดอยู่ในวงศ์ของกระต่าย ที่พบอาศัยตามป่าทั่วไปในประเทศไทยมี  ชนิดเดียว คือ กระต่ายป่าึื ซึ่งมีขนสีน้ำตาล ใต้หางสีขาว ขุดดินเป็นโพรงอาศัย ส่วนที่นำมาเลี้ยงตามบ้าน มีหลายชนิดและหลายสี แต่ที่พบมากจะเป็นสีอ่อนเช่นสีขาว 
    พันธุ์ของกระต่ายกระต่ายมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ โดยสามารถใช้ขนาดเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ได้แก่ กระต่ายแคระ กระต่ายขนาดเล็ก กระต่ายขนาดกลาง และกระต่ายขนาดใหญ่


  • กระต่ายแคระ เช่น เนเธอร์แลนด์ดวอฟ โปลิช ดวอฟโอโท เป็นต้น
  • กระต่ายขนาดเล็ก ได้แก่ ฮอลแลนด์ลอป อเมริกันฟัซซี่ลอป มินิเร็กซ์ ดัทช์ เป็นต้น
  • กระต่ายขนาดกลาง เช่น ซาติน แคลิฟอร์เนียน นิวซีแลนด์ไวท์ เป็นต้น
  • กระต่ายขนาดใหญ่ ได้แก่ เฟลมมิชไจแอนท์ เฟร้นช์ลอป อิงลิชลอป เชคเกิร์ตไจแอนท์ เป็นต้น

สายพันธุ์กระต่าย
1.Lion heads

กระต่ายพันธุ์ไลอ้อน-เฮด (Lion heads)เป็นกระต่ายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเป็น พันธุ์ แฟนซี กล่าวกันว่าต้นกำเนิดอยู๋ ในประเทศเบลเยี่ยม ผู้เพาะพันธุ์กระต่าย พยายามเพาะกระต่ายพันธุ์ดวอร์ฟโค้ท ขนยาว (long Coated Dwarf) ซึ่งมีลักษณะแคระขนยาว โดยข้ามสายพันธุ์ระหว่างกระต่ายพันธุ์สวิส ฟอกซ์เล็ก ผสมกับ กระต่ายพันธุ์เบลเยี่ยมแคระ หรือ ในบางครั้งก็ผสมกับ วู๊ดดี้เจอร์ซี่ กระต่ายพันธุ์ไลอ้อน-เฮด (ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ในการพยายามผสม ข้ามสาย พันธุ์ข้างต้น) ในที่สุดก็กลายเป็นสายพันธุ์ ที่ได้รับความนิยมมาก กว่ากระต่ายสายพันธุ์ดวอร์ฟโค้ทขนยาว

2.Angora Rabbit





กระต่ายพันธุ์ แองโกล่า ( Angora Rabbit ) เป็นกระต่ายขนยาวที่สุดในโลก ขนมีลักษณะอ่อนนุ่ม กระต่ายแองโกล่าเป็นกระต่ายสายพันธุ์เก่าแก่ มีต้นกำเนิดมาจาก เมืองแองโกล่า ( Ankara ) ประเทศตรุกี ( Turkey ) เช่นเดียวกับ แมวแองโกล่า และแพะแองโกล่า กระต่ายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศลในยุคกลาง ปี ค.ศ.1700 และเข้ามาในอเมริกาประมาณปี 1900 กระต่ายแองโกล่าแบ่งออกได้เป็น 5 สายพันธุ์ เป็นกระต่ายพันธุ์ขน ชื่อพันธุ์ได้มาจากเมืองแองโกล่า ในตุรกี ขนสีขาวฟูประมาณ 2-3 นิ้ว นิยมตัดมาประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย สามารถตัดขนได้ปีละ 4 ครั้ง ให้ขนเฉลี่ยปีละ 600-1750 กรัม โตเต็มที่หนัก 2.4-3.8 กิโลกรัม

3.Teddy Bear



กระต่ายพันธุ์ เท็ดดี้ แบร์ (Teddy Bear )Teddy หรือ Teddy Bear เป็นกระต่ายที่เป็นลูกผสมเช่นกัน และได้พัฒนาสายพันธุ์กันมาต่อจาก เจอรี่ วู๊ดดี้ จนค่อนข้างนิ่งในเมืองไทย กระต่ายพันธุ์นี้ จะนิยมเลี้ยงกันมาก เพราะว่า รูปร่างน่ารัก ตัวจะกลมฟู ขนจะฟูยาวประมาณ 4-5 นิ้ว

 4. Minirex


กระต่ายพันธุ์ มินิเร็กซ์ (Minirex) มีมากมายหลายเฉดสี เช่น blue, californian, castor, chinchilla, lynx, opal, red, seal, tortoise, white and broken group.ขนาด 1.4- 2 กิโลกรัม เป็นสายพันธ์ที่ได้รับการยอมรับ รับเข้า ARBA เมื่อปี 1988 กระต่าย สายพันธุ์ มินิเร็กซ์ เป็นกระต่ายที่มีโครงสร้างสมดุลและได้สัดส่วน ร่างกายของมันกะทัดรัด มีความกว้างสมดุลกับความยาว ช่วงไหล่ ลำตัว และบั้นท้าย ทุกอย่างพัฒนามาอย่างดี หัวไหลแคบกว่าบั้นท้่้ายเล็กน้อย ทำให้ตัวค่อยๆ เรียวลง หัวของตัวเมีย ค่อยข้างเรียบ กว่า หัวของตัวผู้ ขนในอุดมคติต้องยาว 1.6 ซม. ขนควรตรงและเป็นมัน มีการ์ดแฮร์จำนวนมาก ขนชั้นนอก ให้ความรู้สึกนุ่ม และสปริงตัว

 5.Newzealand White 



กระต่ายพันธุ์นิวซีแลนด์ไวท์ (Newzealand White) เป็นกระต่ายที่นิยมเลี้ยงกันแพร่หลายที่สุด มีขนสีขาวตลอดตัว ตาสีแดงหน้าสั้น มีสะโพกใหญ่ ไหล่กว้าง ส่วนหลังและสีข้างใหญ่ เนื้อเต็ม ให้ลูกดกเลี้ยงลูกเก่ง เมื่อโตเต็มที่ ตัวผู้หนัก 4.1-5.0 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 4.5-5.5 กิโลกรัม

6.Flemish Giant





กระต่ายพันธุ์ เฟลมมิชไจแอนท์ Flemish Giant สายพันธุ์ Flemish Giant ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศเบลเยี่ยม กระต่ายพันธ์ เฟลมมิชไจแอ้นท์ จะมีลำตัวใหญ่ยาวแต่สมส่วนและไม่ อ้วน ใบหูคือลักษณะที่สำคัญ ของเจ้าเฟลมมิชไจแอ้นท์ หูของมันจะตั้ง โคนหูหนาและแข็ง ตามปกติหูจะมีความยาว 6 นิ้ว ( 15 เซนติเมตร ครึ่งไม้บรรทัดนั่นเอง) ตัวเมียอาจจะมีเหนียงหนานุ่มขนาดใหญ ่Flemish Giant จัดอยู่ในกระต่ายสายพันธุ์ยักษ์ น้ำหนักอยู่ที่ 5.9 กิโลกรัม หรือมากกว่า ซึ่งสีที่สามารถหาได้ เช่น สีดำ โอปอ ส้ม บูล ขาว ฯลฯ


7.Californian Breed






กระต่ายพันธุ์ คาลิฟอร์เนีย (Californian Breed) เป็นกระต่ายสีขาว มีสีดำหรือเทาที่บริเวณใบหู จมูกเท้า ปลายเท้า และปลายหาง ตาสีชมพู เป็นกระต่ายขนาดกลางโตเต็มที่หนัก 3.5-4.5 กิโลกรัม แคลิฟอร์เนียสายพันธุ์ของกระต่ายในประเทศ ได้รับการพัฒนา ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1920 โดยจอร์จเวสต์ กระต่ายแคลิฟอร์เนียเป็นสายพันธ์การผลิตเนื้อสัตว์ เป็นที่นิยมอันดับสองมากที่สุดในโลก คุณภาพขนสัตว์จะช่วยให้กระต่ายนี้ยังจะจัดว่าเป็นสายพันธุ์แฟนซี

แหล่งที่มา: http://pirun.ku.ac.th/~b521030212/4.html

logo

วิธีทำ logo school Homepage